วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

ใบงานที่1

ใบงานคำชี้แจง ให้นักเรียนศึกษาจากเอกสารหรือหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต แล้วตอบคำถามต่อไปนี้ 1. การพัฒนาทางด้านคอมพิวเตอร์ที่กระทำกันมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดอะไรขึ้น ตอบ คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆที่ดีกว่าเกิดขึ้นเสมอ 2. วัตถุประสงค์ของการพัฒนาภาษาซีขึ้นในครั้งแรกคือ เพื่อใช้เป็นภาษาสำหรับพัฒนาระบบปฏิบัติการยูนิกซ์( Unix Opearating System) แทนภาษาแอสเซมบลี ซึ่งเป็นภาษาระดับต่ำที่สามารถกระทำในระบบฮาร์ดแวร์ได้ด้วยความรวดเร็ว แต่จุดอ่อนของภาษาแอซเซมบลีก็คือความยุ่งยากในการโปรแกรม ความเป็นเฉพาะตัว และความแตกต่างกันไปในแต่ละเครื่อง เดนนิส ริตชี (Dennis Ritchie) จึงได้คิดค้นพัฒนาภาษาใหม่นี้ขึ้นมาเมื่อประมาณต้นปี ค.ศ. 1970 โดยการรวบรวมเอาจุดเด่นของแต่ละภาษาระดับสูงผนวกเข้ากับภาษาระดับต่ำ เรียกชื่อว่า ภาษาซี3. ผู้ที่ได้รวบรวมเอาจุดเด่นของภาษาระดับสูงมาผนวกเข้ากับภาษาระดับต่ำ ที่เรียกว่าภาษาซี คือเดนนิส ริตชี (Dennis Ritchie) โดยได้รับแนวความคิดมาจาก แนวความคิดของการโปรแกรมเชิงวัตถุ4. สาเหตุที่ภาษาซีได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย คือ ภาษาซี สามารถนำไปใช้ได้บนเครื่องทุก Platform ไม่ว่าจะเป็น Intel PC ที่วิ่ง Windows 95 หรือ Windows NT หรือ แม้แต่ Linux ทั้งเครื่อง Macintosh และ เครื่องเวอร์คสเตชัน ตลอดจนเมนเฟรม เนื่องจากมี compiler ของภาษาซี อยู่ทั่วไป ภาษาซี เป็นภาษาที่ง่ายๆ คือมีแต่ข้อกำหนดในการใช้งาน หรือ syntax แต่ไม่มีฟังก์ชันสำเร็จรูป (Built-in Function) ใดๆ ดังนั้นหากผู้ใช้ต้องการทำอะไรก็ตาม ต้องเขียนทุกอย่างขึ้นเอง หรือ อาจเรียก Library Functions มาใช้งาน โดย ฟังก์ชันที่เป็นงานที่ใช้บ่อยๆ จะถูกรวบรวมไว้ใน Library Functions5. จงเขียนลำดับการพัฒนาการของภาษาซี ดังนี้5.1 พ.ศ. 2503 เรียกว่า ภาษา Algol 60 คิดค้นโดย พัฒนาโดยองค์การ (International Committee)5.2 พ.ศ. 2506 เรียกว่า ภาษา CPL (CombinedProgramming Language) คิดค้นโดย ม.Cambridge5.3 พ.ศ. 2510 เรียกว่า ภาษา BCPL (Basic Combined Programming Language) คิดค้นโดย Martin Richards มหาวิทยาลัย Cambridge5.4 พ.ศ. 2513 เรียกว่า กำเนิดภาษา B (B Language) คิดค้นโดย Ken Tompson แห่ง Bell Laboratory5.5 พ.ศ. 2515 เรียกว่า กำเนิดภาษา C (C Language) คิดค้นโดย พัฒนาโดย Dennis Ritchie6. รูปแบบของภาษาซี อาศัยหลักการโปรแกรมแบบ แบบโมดูล ( Modute ) ที่เป็นรูปแบบไวยากรณ์ของภาษา ( Syntax ) แน่นอน สามารถนำไปประยุกต์เข้ากับงานต่าง ๆ ได้ง่าย จึงจัดว่าเป็นภาษาที่เป็นโครงสร้าง ( Structured Language ) เช่นเดียวกับภาษา Pascal ซึ่งแตกต่างจากภาษาระดับสูงอื่น ๆ ที่ไม่เป็นโครงสร้าง เช่น ภาษา BASIC7. สาเหตุที่จัดภาษาซีว่าเป็นภาษาที่เป็นโครงสร้างเพราะ …………………………………………1. เป็นภาษาที่เข้าใจง่ายครับ มีลักษณะเป็นโครงสร้าง ท่านอ่านคำสั่งต่างๆแล้ว ทำความเข้าใจไม่ยากเลยสามารถควบคุมฮาร์ดแวร์ได้อย่างไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้น โปรแกรมทำงานได้อย่างรวดเร็ว ใช้งานได้หลากหลาย ยืดหยุ่น สามารถเขียนแยกเป็นโมดูล (เป็นโปรแกรมย่อยๆ) ได้2. เป็นรากฐานเพื่อไปศึกษาภาษาอื่นได้อีก ไม่ว่าจะเป็น Java Perl PHP C# ล้วนแต่ถูกสร้างมาจากภาษาซี เพราะภาษาซีนั้นเป็นภาษาที่ถูกสร้างขึ้นมานานมากแล้ว และถูกนำมาใช้กันทั่วโลก และหากท่านจะสร้างภาษาโปรแกรมขึ้นมาสักภาษาหนึ่ง หากท่านอยากจะให้มันเข้าใจง่าย และใช้กันแพร่หลาย ท่านจะคิดคำสั่งเอง หรือท่านจะเอาคำสั่งที่โปรแกรมเมอร์ทั่วโลกเขาเข้าใจอยู่แล้วมาใช้ล่ะครับ แน่นอน ก็ต้องอย่างหลังอยู่แล้วใช่มั้ยครับ ทำให้ภาษาโปรแกรมหลายๆตัวที่นิยม ล้วนสร้างขึ้นมาจากภาษาซี หากท่านศึกษาภาษาซีก่อน เมื่อท่านไปศึกษาภาษาอื่น ท่านจะข้ามพื้นฐานไปได้เลย ทำให้การศึกษาภาษาอื่น เป็นไปด้วยความรวดเร็วครับ3. เป็นภาษาที่ทำงานเร็ว คล่องตัว เพราะการเรียนภาษาซีนั้น ทำกันบนบรรทัดคำสั่ง เพื่อสั่งให้ทำงานบนหน้าจอโดยตรง หรือจะสั่งเครื่องพิมพ์ก็ย่อมได้ ภาษาโปรแกรมใหม่ๆ มักจะมีตัวแปลภาษาและอีดิตเตอร์เป็นแบบ IDE ไม่ทันไรผู้เรียนก็สามารถสร้างหน้าจอ GUI (กราฟิกยูเซอร์อินเตอร์เฟช) ได้แล้ว แต่มันเป็นง่ายไปครับ การข้ามขั้นพื้นฐานไป ทำให้ความรู้ท่านไม่แน่นพอ หากท่านเรียนภาษาซีท่านจะได้เริ่มตั้งแต่รันบนดอสกันไปเลย ทำให้ท่านเข้าใจพื้นฐานของโปรแกรมต่างๆ เมื่อพื้นฐานท่านแน่น อีกหน่อยจะไปพัฒนาระบบใหญ่ๆ หรือเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุก็สบายครับ4. มีพอยเตอร์ให้เราได้ศึกษาในเรื่องของหน่วยความจำ ภาษาซีจะสามารถเข้าจัดการหน่วยความจำได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรร เพิ่มลดข้อมูลในหน่วยความจำ ก็ย่อมได้ เพราะอย่างที่ได้กล่าวไว้ว่า ภาษาซีสามารถควบคุมฮาร์ดแวร์ได้ การจะจัดการกับหน่วยความจำก็ไม่ใช่ปัญหาเลย ท่านสามารถจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสมกับการทำงานของท่านได้ เช่น หากโปรแกรมอยู่เฉยๆก็ไม่ต้องให้โปรแกรมกินหน่วยความจำ เมื่อมันเริ่มทำงานเมื่อไหร่ก็ให้เริ่มกินหรือจองหน่วยความจำ ทำให้โปรแกรมของท่านมีความยืดหยุ่น พลิกแพลงได้ เรื่องพอยเตอร์นี่แหละครับ จุดเด่นของภาษาซี5. มีชุดพัฒนาอยู่มากมาย เพื่อใช้ในงานเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับรูปภาพ ด้วยชุดพัฒนา Images Processing การพัฒนาโปรแกรมบนวินโดวส์ด้วย MFC หรือ Visual C++ และอีกมากมาย หากท่านมีพื้นฐานดีแล้ว ท่านสามารถศึกษาชุดพัฒนาเหล่านี้ได้ไม่ยาก และที่สำคัญสามารถหาชุดพัฒนาที่ถูกสร้างจากภาษาซีได้ทั่วโลก6. ภาษาซีนั้นมีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก นั่นหมายความว่า ท่านศึกษาครั้งเดียว ท่านเขียนได้ทั้งบน วินโดวส์และยูนิกซ์หรือลีนุกซ์ ซึ่งทำให้ท่านสามารถพัฒนาโปรแกรมในระบบปฏิบัติการหลายๆแบบได้ ไม่ต้องศึกษาภาษาใหม่เลย อาจจะศึกษาลักษณะที่ต่างกัน ก็เพียงเล็กน้อย นอกนั้นก็คล้ายกันเลยทีเดียว7. หลายๆสถาบันมักจะให้เรียนภาษาซีเป็นภาษาแรก เพื่อเป็นพื้นฐานไปสู่การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ เช่น C++ , Java ท่านยังสามารถศึกษาไปในด้านของวิชาโครงสร้างข้อมูลได้ ซึ่งใช้ในการจัดสรรทรัพยากรหน่วยความจำ การจัดเก็บข้อมูล การเรียงลำดับ การค้นหา และเป็นพื้นฐานของอีกหลายๆวิชา8. ภาษาซี มีคุณสมบัติเด่นอยู่ …9….ประการ ได้แก่1. เป็นภาษาที่มีลักษณะเป็นโครงสร้างจึงเขียนโปรแกรมง่าย โปรแกรมที่เขียนขึ้นจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง สั่งงานคอมพิวเตอร์ได้รวดเร็วกว่าภาษาระดับสูงอื่น ๆ2. สั่งงานอุปกรณ์ในระบบคอมพิวเตอร์ได้เกือบทุกส่วนของฮาร์ดแวร์ซึ่งภาษาระดับสูงภาษาอื่นทำงานดังกล่าวได้น้อยกว่า3. คอมไพเลอร์ภาษาซีทุกโปรแกรมในท้องตลาดจะทำงานอ้างอิงมาตรฐาน(ANSI= American National Standards Institute) เกือบทั้งหมด จึงทำให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาซีสามารถนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ทุกรุ่นที่มาตรฐาน ANSI รับรอง4. โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาซีสามารถนำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซีพียูต่างเบอร์กันได้ หรือกล่าวได้ว่าโปรแกรมมีความยืดหยุ่น (portabiliy) สูง5. สามารถนำภาษาซีไปใช้ในการเขียนโปรแกรมประยุกต์ได้หลายระดับเช่น เขียนโปรแกรมจัดระบบงาน (OS) คอมไพเลอร์ของภาษาอื่นโปรแกรมสื่อสารข้อมูลโปรแกรมจัดฐานข้อมูล โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์(AI = Artificial Inteeligent) รวมทั้งโปรแกรมคำนวณงานทางด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น6. มีโปรแกรมช่วย (tool box) ที่ช่วยในการเขียนโปรแกรมมาก และราคาไม่แพงหาซื้อได้ง่าย เช่น vitanin c หรืออื่น ๆ7. สามารถประกาศข้อมูลได้หลายชนิดและหลายรูปแบบ ทำให้สะดวกรวดเร็วต่อการพัฒนาโปรแกรมตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้8. ประยุกต์ใช้ในงานสื่อสารข้อมูล และงานควบคุมที่ต้องการความแม่นยำในเรื่องเวลา (real time application) ได้ดีกว่าภาษาระดับสูงอื่น ๆ หลาย ๆภาษา9. สามารถเขียนโปรแกรมด้วยเทคนิคแบบโอโอพี (OOP = Object Oriented Programming) ได้หากใช้ภาษาซีรุ่น TURBO C++ ขึ้นไป ทำให้สามารถพัฒนาโปรแกรมประยุกต์เพื่อใช้งานได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม9. ตัวโปรแกรม Turbo C พัฒนาขึ้นโดยยึดข้อกำหนดตามมาตรฐานของ……… ANSI ………. สามารถแปลคำสั่งได้เร็วกว่า …… 7,000 ….. บรรทัด ต่อ นาที10. Turbo C มีโปรแกรมเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้ อยู่ 3 โปรแกรม ได้แก่10.1 โปรแกรมเอดิเตอร์ (Editor) สำหรับเขียน สร้าง หรือแก้ไขโปรแกรมภาษาซีให้เป็น Source Files10.2 โปรแกรมคอมไพเลอร์ (Compiler) สำหรับแปลโปรแกรมภาษาซี จาก Source Files ให้เป็น Object Files ซึ่งเป็นรหัสภาษาเครื่อง10.3 โปรแกรมลิงค์เกอร์ (Linker) สำหรับลิงค์ (Link) ตัว Object Files กับ Library Filesให้เป็น Executable Files (.EXE Files) ที่สามารถเรียกดูผลลัพธ์ในดอส11. คำสงวน (Reserved Word) ใน Turbo C มีทั้งหมด……43…..ตัว ซึ่งไม่สามารถนำไปตั้งเป็นชื่อตัวแปรใด ๆ ในโปรแกรมภาษาซีได้ ได้แก่Auto default float register typebreak do for return unioncase double goto short unsignedchar else if signed voidconst enum int sizeof volatilecontinue extern long static whilestruct switch

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น